เสียเพื่อน เพราะเพื่อนติดเเบรนด์เนม

ขอเล่าประสบการณ์ของ จขกท.เองเลยนะคะ เริ่มจากตัว จขกท.ได้เข้าเรียนที่มหาลัยเเห่งหนึ่งค่ะ เข้ามาเเรกๆเราก็ยังไม่ได้รู้จักใคร พอเริ่มเรียนไปสัก2-3วันก็เรื่มมีเพื่อนค่ะ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เราเพิ่งรู้จักเราก็ใช้ชีวิตกันเเบบทั่วไป คือช่วงพักก็ไปทานข้าวด้วยกัน ช่วงใกล้สอบก็ช่วยกันติวหนังสือกันบ้าง เเล้วก็เม้าท์กันบ้างสไตล์ผู้หญิง เรื่องที่มักจะเป็นหัวข้อในการสนทนาอยู่ประจำก็คงจะเป็นเรื่องอวดรวยกันไปมาตามประสาผู้หญิง อย่างเช่นมีเพื่อนคนนึงในกลุ่มบอกว่า"วันนี้ตอนเย็นต้องรีบกลับนะ เเม่จะพาไปซื้อของขวัญวันเกิด" ด้วยความที่เพื่อนเปิดประเด็นมาขนาดนี้ เรากับเพื่อนก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดาว่าเพื่อนจะได้ของขวัญเป็นอะไร เเต่ต่อมเผือกของเราเเละเพื่อนไม่ต้องสงสัยนานค่ะ เพราะคืนนั้นเพื่อนเราก็ได้กะเวลาเหมาะๆสัก4ทุ่มเป็นเวลาที่เพื่อนเล็งเห็นเเล้วว่าเวลานี้โพสต์รูปไปแล้วคนจะเห็นเยอะที่สุด(ไหนๆจะอวดเเล้ว ก็ต้องให้คนเห็นเยอะสิคะถึงจะคุ้ม) โพสต์รูปกระเป๋าใบใหม่ราคาเหยียบครึ่งล้าน พร้อมตั้งเเคปชั่นประมานว่าขอบคุณเเม่ สำหรับของขวัญวันเกิด(เราก็ช็อคไปแป็ปนึงค่ะ ของขวัญวันเกิดเพื่อนเรานี่เเพงได้ใจจริงๆ) เเล้วเพื่อนคนอื่นในกลุ่มก็มาคอมเม้นสไตล์มาตรฐานที่เห็นกันบ่อยๆอ่ะคะ อารมณ์เเบบ "โอ้ยยย อิจฉาจังต้องไปจัดบ้างเเล้ว" เราก็คิดนะคะว่าไอ้กระเป๋าราคาครึ่งล้านนี่จะไปสอยไปจัดกันง่ายๆเลยหรอ
       
        หลังจากนั้นเราก็เริ่มรู้สึกว่าเรากับเพื่อนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีความคิดหลายๆอย่างต่างกัน เราก็คบเเบบทั่วไปยังไม่กล้าที่จะปรึกษาปัญหาอะไรกับเพื่อนกลุ่มนี้มากมาย จนมาวันนึงค่ะก็ไปเดินเล่นกันที่พารากอนก็ดูร้านนั้นเข้าร้านนี้ไปเรื่อย จนเพื่อนคนที่เป็นเจ้าของกระเป๋าราคาครึ่งล้านถูกใจกระเป๋าใบนึงขึ้นมา ซึ่งราคามันก็เเสนกว่าบาทเพื่อนคนอื่นก็เชียร์ให้เพื่อนซื้อค่ะ พอเห็นทุกคนเห็นดีเห็นงามเพื่อนเราก็จัดเเจงโทรหาเเม่เลยค่ะ เพื่อขอซื้อกระเป๋าใบนี้คุยได้สัก2นาทีมั้งคะเพื่อนก็วางค่ะเเล้วบอกว่าเเม่อนุญาตเเล้ว(เงิบอีกรอบค่ะ เห่ยเพิ่งได้ของขวัญราคาครึ่งล้านไปเมื่อ2อาทิตย์ก่อน วันนี้ชีคุยกับเเม่2นาทีได้กระเป๋าราคาเเสนกว่ามาอีกใบ) เเล้วเหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้นค่ะคือเพื่อนเราก็เรียกเรามาคุยด้วยกันเเบบ2คน มีใจความว่าเพื่อนจะขอยืมบัตรเครดิตของเราก่อนเพื่อจ่ายค่ากระเป๋า เเล้วเดี๋ยวเเม่ของเพื่อนจะรีบโอนเงินมาคืนเย็นนี้เเน่นอน ด้วยความที่เราเห็นว่าเพื่อนเค้ารวยมากใช้ของเเพงมาตลอด เเล้วเพื่อนก็โทรขออนุญาตคุณเเม่เเล้วด้วย เราก็เลยให้เพื่อนยืมบัตรไปค่ะ (ต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่าบัตรเครดิตเราพ่อเราให้ไว้ใช้ เพราะบางทีเราต้องไปต่างประเทศบ่อยๆ บัตรเครดิตจึงจำเป็นค่ะ) หลังจากนั้นเพื่อนเราก็จัดกระเป๋าใบนั้นมาเรียบร้อย ยิ้มหน้าบานเดินออกจากร้านมาเลยค่ะ หลังจากเเยกย้ายกันขับรถกลับบ้านเราก็รอเเม่ของเพื่อนโอนเงินมาคืนค่ะ จนดึกเเล้วก็ยังไม่มีเงินใดๆไหลเข้าบัญชีเราสักบาท เราก็เลยโทรหาเพื่อนค่ะเพื่อจะถามว่าได้โอนมาหรือยัง (ต้องเเอ๊บถามนะคะเพราะตวามจิงคือก็รู้อยู่เต็มอก) เเต่ปรากฏว่าเพื่อนปิดเครื่องค่ะ!!!!!! เอาละงานเข้าเเล้วทีนี้เงินเเสนกว่าบาท เเต่ก็ยังคิดในด้านดีนะคะ เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปเรียนต้องเจอเพื่อนอยู่เเล้ว คืนนั้นก็หลับเเบบไม่ค่อยสบายใจ จนวันรุ่งขึ้นค่ะเตรียมพร้อมมากในการทวง เเต่พอมาถึงมหาลัยค่ะ ไอ้เพื่อนเวรนั้นไม่มา!!!! คืออะไรรรรรร!!!!! พยายามโทรหาเพื่อนทั้งวันก็โทรไม่ติด เพื่อนคนอื่นในกลุ่มก็ช่วยกันหาทางนะคะ นาทีนั้นคิดว่าบรรลัยเเล้วค่ะถ้าสิ้นเดือนบิลค่าบัตรเครดิตออกมาจะบอกพ่อว่าอะไร
ตอนนั้นพยายามหาทางติดต่อเพื่อนคนนั้นทุกทาง จนหาเบอร์พี่สาวชีมาได้ค่ะ เราก็รีบโทรไปตอนที่คุยคุยกับพี่สาวของเพื่อนเราก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เค้าฟังนะคะ เเค่บอกว่าติดต่อเพื่อนเราไม่ได้เลยเห็นว่าไม่มาเรียนเลยเป็นห่วง พี่สาวเพื่อนก็บอกมาว่าโทรศัพท์เพื่อนเราเสีย ตอนนี้เพื่อนเราออกไปข้างนอกพี่เค้าก็นึกว่าน้องสาวไปเรียน เราก็เลยบอกว่าเราจะเอางานไปให้เพื่อนเราที่บ้านค่ะ (งานนี้ต้องตามทวงถึงบ้าน เจอเเบบจะๆไปเลยเงินเป็นเเสนปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆค่ะ) พอได้ที่อยู่มาพอเลิกเรียนเรากับเพื่อนอีกคนก็รีบขับรถไปบ้านเพื่อนเราเลยค่ะ พอไปถึงเราก็งงอีกรอบ เพราะเราคิดว่าการที่เพื่อนเราใช้ของเเบรนด์เนมตั้งเเต่หัวจรดเท้า เเสดงว่าบ้านต้องรวยมากเเน่ๆ เเต่บ้านที่เรามาเห็นเราถึงกับต้องดูเลขที่บ้านซ้ำอีกรอบ เพราะสภาพบ้านที่เราเห็นคือตึกเเถวห้องเดียวสูง3ชั้น (คือบ้านเพื่อนเราก็ไม่ได้เเย่อะไรนะคะ คือปกติทั่วไป เเต่การใช้เงินของเพื่อนเรามันทำให้คิดว่าบ้านคงเป็นประมาณในละคร อารมณ์เข้าประตูรั้วหน้าบ้านมาเเล้วต้องขับผ่านสนามหญ้าเเละวนรอบน้ำพุอีก1ที ถึงจะเข้าถึงตัวบ้านได้ประมาณนั้น)
       
        หลังจากนั้นเราก็กดอ๊อดค่ะ พี่สาวเพื่อนเราก็ออกมารับเราก็เดินตามเข้าไปนั่งในบ้าน ระหว่างนั่งรอเพื่อนเรากลับมาเราก็คุยขิงข่ากับพี่สาวเพื่อนเราไปพลางๆ พอนึกขึ้นมาได้ก็เลยถามพี่สาวของเพื่อนค่ะว่าเเม่ของเพื่อนเราอยู่ไหนเพราะเงินที่เพื่อนเราจะคืนเราก็ต้องมาจากแม่อยู่ดี หลังจากถามถึงเเม่ไปเราได้รับคำตอบที่ช็อคมากค่ะ คือสรุปว่าเค้าไม่รู้ว่าเเม่เค้าคือใคร มีเเต่พ่อที่เป็นคนเลี้ยงเค้ากับเพื่อนเรามา (เงิบหนักค่ะ ละที่เพื่อนเรามันลงรูปกระเป๋าราคาครึ่งล้าน พร้อมเเคปชั่นขอบคุณเเม่เเล้วไหนจะโทรขอซื้อกระเป๋าใบละเเสนอีก มันคุยกับใครวะเนี่ยยยยยย) ตอนนั้นเรารู้เลยค่ะว่าโดนหลอกเงินเเน่นอนเเล้ว เราเลยตัดสินใจเล่าความจริงให้พี่สาวเพื่อนเราฟัง พี่สาวเพื่อนเราดูช็อคไปเลยค่ะ พี่สาวเพื่อนเราบอกว่าเค้าไม่รู้จิงๆว่าน้องเค้าทำแบบนี้ (เอิ่มพี่คะ หนูไม่รู้นี่ไม่เเปลกนะคะ เเล้ววันที่น้องสาวของพี่เดินถือกระเป๋าใบละเเสนที่ใช้บัตรหนูรูดนี่พี่ไม่สะกิดใจอะไรสักนิดเลยหรอค่ะ -__- ) ความรู้สึกตอนนั้นทั้งโกรธ ทั้งช็อค งง หลายอารมณ์ตีกันไปหมด พี่เค้าคงเห็นว่าเราไม่โอเคจริงๆ เค้าเลยบอกว่าให้รอเคลียกับเพื่อนเรา รอไปสัก2ชั่วโมงได้ค่ะเพื่อนเราก็กลับมา หน้าเพื่อนเราตอนกลับมาเเล้วเจอเราช็อคมากค่ะ พอตั้งสติได้เพื่อนเราก็รีบลากเรากับเพื่อนอีกคนออกมาคุยที่หน้าบ้าน เพื่อนเราถามเราว่าได้เล่าอะไรให้พี่สาวของเค้าฟังรึยัง เราก็บอกว่าเล่าไปหมดแล้ว เพื่อนเราก็โมโหมากเลยค่ะมาขึ้นเสียงใส่เราว่าจะเล่าทำไม อยากให้เพื่อนเราโดนที่บ้านด่าหรือไง อ่าวคนผิดคือเเล้วมาขึ้นเสียงใส่กู คืออะไรรรรร!!!!!! มีหรอค่ะที่เราจะยอมเราก็เลยถามไปเลยค่ะว่าเเล้วที่บอกว่าเเม่จะโอนคืนให้เย็นนั้น เเต่งเรื่องเองทำไมเพราะเรารู้หมดเเล้ว ว่าเพื่อนเราอยู่กับพ่อไม่ได้อยู่กับเเม่ พอเพื่อนเรารู้ว่าเรารู้ความจริงเรื่องเเม่เเล้วชีถึงกับน้ำตาร่วงเเล้วขอร้องเราว่าอย่าเอาเรื่องทั้งหมดไปเล่าให้ใครฟัง พร้อมกับจะยอมคืนกระเป๋าใบนั้นให้เรา (งงกันอีกรอบ ถ้าคืนกระเป๋ามาเเล้วเราเอาไปขายต่อมันจะได้ราคาสักเท่าไหร่กันอย่างน้องก็ต้องขาดทุนปเป็นหมื่นๆ) เราก็เลยบอกเพื่อนว่าเราจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เเต่ให้เอาเงินมาคืนเราเพราะเราไม่อยากได้กระเป๋าเเต่อยากได้เงินคืน เพื่อนเราก็สัญญาอย่างดีค่ะว่าจะหาเงินมาคืนให้เเต่ขอเวลาไม่เกิน2อาทิตย์ เราก็โอเคค่ะเพราะช่วงนั้นยังเป็นช่วงต้นเดือนยังพอมีเวลาอีกเกือบ3อาทิตย์กว่าบิลค่าบัตรเครดิตจะส่งมาที่บ้าน
       
        หลังจากนั้นเราก็กลับมาเรียนตามปกติค่ะ เรากับเพื่อนอีกคนที่รู้เรื่องทั้งหมดก็ไม่ได้คิดที่จะเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟังทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ ส่วนเพื่อนคนที่ติดเงินเราก็มาเรียนปกตินะคะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเต่เราก็คอยถามตลอดว่าพอหาเงินที่จะคืนเรามาได้บ้างรึยังชีก็บอกว่าเราไม่ต้องกังวลเธอจะหาเงินมาคืนเราทันเเน่ๆ เเต่เราก็ไม่ได้วางใจขนาดนั้นนะคะเพราะได้บทเรียนจากเพื่อนคนนี้มาบ้าง จนพอก่อนถึงกำหนดที่จะต้องคืนเงินเราสัก3วันเพื่อนตัวดีคนนี้ก็มาบอกเราว่าเธอโดนกระชากกระเป๋า เเล้วใบที่โดนกระชากเป็นใบที่เธอใช้เงินเราซื้อ โดยเธอตั้งใจว่าจะเอากระเป๋าใบนี้ไปขายเเล้วหาเงินเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อให้ครบกับยอดเงินที่ต้องคืนเรา ตอนนั้นคิดเลยค่ะว่าเพื่อนเรามันจะมาไม้ไหนอีกโกหกไปเรื่อยๆหรืออะไรกันเเน่เราไม่คิดจะเชื่ออะไรเพื่อนคนนี้อีกเเล้วค่ะ นาทีนั้นเราไม่สนอะไรเเล้วเพราะถ้าเราไม่ได้เงินคืนเราก็เดือดร้อนเหมือนกันเพราะถ้าบิลค่าบัตรเครดิตส่งมาที่บ้านเราก็ไม่รู้จะเเก้ตัวกับพ่อว่าอะไร เราเลยบอกเพื่อนเราว่าเราไม่เเคร์ว่ากระเป๋าใบนั้นจะยังอยู่หรือหายไปแล้ว เเต่เราต้องได้เงินคืนภายในอาทิตย์นี้ เพื่อนเราก็บอกว่าจะรีบหามาให้ค่ะเเต่ตอนนั้นความไว้ใจทุกอย่างเราไม่มีให้เพื่อนคนนี้อีกต่อไปแล้ว เราก็เลยตัดสินใจพาเพื่อนอีกคนที่รู้เรื่องทั้งหมดไปเป็นพยานค่ะ เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่มหาลัย เรากับเพื่อนเล่าทุกอย่างให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ก็ดูจะเห็นใจเราอยู่มากเราก็เลยขอเบอร์โทรศัพท์พ่อของเพื่อนตัวดีมาค่ะ เเล้วก็โทรไปเล่าให้พ่อของเพื่อนฟังว่าเรื่องราวเป็นยังไง คุณพ่อเพื่อนพอทราบเรื่องทั้งหมดเค้าถึงกับช็อคเเล้วบอกเราว่าไม่เคยคิดเลยว่าลูกสาวจะเป็นได้ถึงขนาดนี้เพราะตัวเค้าเองก็ไม่เคยใช้ของเเพง หรือใช้เงินฟุ่มเฟือยเลย เเต่สุดท้ายพ่อก็บอกเราว่าจะคืนเงินให้เราเเทนลูกเค้าเเล้ววันหลังก็อย่าให้ลูกสาวเค้ายืมเงินอีก
       
        สุดท้ายเราก็ได้เงินคืนมาค่ะ เเล้วเรากับเพื่อนคนนั้นก็ตัดขาดกันเราไม่ยุ่งไม่มองหน้าไม่อะไรกับเพื่อนคนนี้เลย เเต่ที่ยังสงสัยอยู่ก็คือเเล้วของเเบรนด์เนมที่เพื่อนเราใช้ ที่เราเห็นมาตลอดตั้งเเต่เเรกนั้น เพื่อนเราเอามาจากไหนจนทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ค่ะ
      
        อยากฝากไว้นะคะว่าเปลือกนอกของคนไม่สามารถวัดอะไรได้ การทำตัวอวดร่ำอวดรวย ใช้ของเเพงเเบรนด์เนมไฮโซสักเเค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนที่เเท้จริงที่ตัวเราเป็นได้ สักวันความจริงก็ต้องถูกเปิดเผยมาอยู่ดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่